ไอส์แลนด์หนึ่งในประเทศในฝันของผม หลังจากได้เห็นและได้นั่งอ่านรีวิวต่างๆในพันทิปมานานแสนนาน ผมตั้งใจไว้ว่า ซักวันหนึ่งจะต้องไปเห็นให้ได้ ไอส์แลนด์ แสงเหนือ และในที่สุด ผมก็ไปมาแล้ว

ก่อนจะไปฟังผมเล่าประสบการณ์ในทริปนี้ อยากจะขอเอาบทนำเริ่มต้นมาสรุปข้อมูลเป็นข้อๆให้อ่านกันก่อน

Iceland คือ?

ประเทศ Iceland ชื่อแปลว่า เกาะน้ำแข็ง แต่แท้จริงแล้วที่นี่มีทั้งช่วงที่มีน้ำแข็งและหิมะปกคลุม กับช่วงเวลาที่ไม่มีหิมะและเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ข้อมูลแบบมีสาระของเกาะนี้คร่าวๆคือ มันเป็นเกาะในมหาสมุทรแอนแลนติก มีประชากรไม่มาก ราวๆ 3 แสนคน คนส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงประเทศนี้ จะนึกถึงแสงเหนือ แต่จริงๆแล้วประเทศนี้ไม่ได้มีแค่แสงเหนือ เพราะธรรมชาติของก็เป็นเสน่ห์ของไอส์แลนด์ไม่แพ้กัน โดยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของไอส์แลนด์นั้นแบ่งกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆบนเกาะ โดยเกาะแบ่งออกเป็น 8 เขต ได้แก่

regions_of_iceland

ขอบคุณภาพจาก Wikipedia
  1. Höfuðborgarsvæðið (เฮอฟึทปอร์การ์สไวทิท ‒ เขตเมืองหลวง)
  2. Suðurnes (ซือทือร์เนส ‒ คาบสมุทรใต้)
  3. Vesturland (เวสตือร์ลันต์ ‒ เขตตะวันตก)
  4. Vestfirðir (เวสต์ฟีร์ทีร์ ‒ ฟยอร์ดตะวันตก)
  5. Norðurland vestra (นอร์ทือร์ลันต์ เวสตรา ‒ เขตเหนือ ตะวันตก)
  6. Norðurland eystra (นอร์ทือร์ลันต์ เออิสตรา ‒ เขตเหนือ ตะวันออก)
  7. Austurland (เอิสตือร์ลันต์ ‒ เขตตะวันออก)
  8. Suðurland (ซูทือร์ลันต์ ‒ เขตใต้)

ในทริปนี้ผมจะไปเกือบครบทุกเขต ยกเว้นส่วนที่ 4. Vestfirðir (เวสต์ฟีร์ทีร์ ‒ ฟยอร์ดตะวันตก) ไว้ส่วนเดียว เพราะที่นี่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะไปเพื่อดูนกพับฟิน ซึ่งจะพบได้ยากในช่วงที่ผมไป

ไปมาช่วงไหน ไปที่ไหนบ้าง?

ด้วยความโลภที่อยากได้ทั้งบรรยากาศธรรมชาติของไอส์แลนด์ และอยากเห็นแสงเหนือด้วย ผมกับเพื่อนเลยตกลงกันว่าจะไปช่วงกันยา-ตุลา ซึ่งเป็นช่วงที่เพิ่งหมดหน้าร้อนไปและกำลังจะเข้าหน้าหนาว

ข้อดี

  • เห็นวิวธรรมชาติของไอส์แลนด์โดยที่ยังไม่มีหิมะมาปกคลุม
  • ราคาค่าที่พักต่างๆจะถูกลงเพราะเป็นช่วงที่พ้น High season มาซักพัก
  • สามารถเห็นแสงเหนือ เพราะเวลาเช้ากับค่ำกลับมายาวเท่าๆกันทำให้โอกาสในการเห็นมีเพิ่มขึ้นจากช่วงหน้าร้อน

ข้อเสีย

  • แทบไม่มีหิมะ ไม่มีน้ำแข็ง เพราะฉะนั้น อดไปทัวร์ถ้ำน้ำแข็ง
  • นกพัฟฟินบินกลับทะเล ปลาวาฬว่ายกลับทะเลลึก เพราะฉะนั้นอดอีกเช่นกันครับ

หลังจากหาเพื่อนร่วมทริปได้ ก็ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวกันช่วงวันที่ 24 กันยายน ถึง 7 ตุลาคม 2016 โดยรายละเอียดคร่าวๆตามไฟล์นี้เลยครับ (Travel Plan) ซึ่งไฟล์นี้เพื่อนๆลองเอาไปปรับเปลี่ยนตามแผนของตัวเองหรือจะเอาไปใช้เป็นตัวอย่างแล้วยื่นประกอบการพิจารณา Visa ก็ได้ครับ พวกผมเองก็ใช้ไฟล์นี้ในการยื่นของ Visa กับสถานทูตเหมือนกัน

เดินทางไปไอส์แลนด์ยังไง?

เนื่องจากกลัวว่าเวลาจะไม่พอ ผมเลยเลือกที่จะใช้เวลา transit ให้น้อยที่สุด เพื่อให้มีเวลาอยู่ที่ไอส์แลนด์มากที่สุด โดยผมเลือกใช้บริการของ SAS ซึ่งจะบินตรงจาก Narita ไป Iceland เลยโดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Copenhagen, Denmark หนึ่งครั้ง ช่วงที่บินต่อไป Iceland จะเป็นสายการบิน Icelandair ซึ่งเป็นสายการบินย่อยของ SAS ผมแนะนำว่า ถ้าใครอยากได้ตั๋วที่ถูก ให้ลองหาตั๋วจากไทยไปเมืองใหญ่ๆในยุโรป เช่น ​Frankfurt, Paris, Copenhagen, Oslo แล้วต่อเครื่องบินไป Iceland เองครับ สายการบินที่จะบินจากยุโรปไป ​Iceland มีประมาณ 3 สายการบิน คือ Icelandair, WOW air และ Norwegian air ซึ่งแต่ละสายการบิน มีโปรไม่เหมือนกัน เช่น Norwegian มักจะบินถูกวันพฤหัสบดี เป็นต้น สำหรับตารางบินของผมจะเป็นไปตามตารางข้างล่างครับ

หาที่พักจากไหน?

ทริปนี้ผมจองจาก Booking อย่างเดียวครับ จริงๆตอนแรกมีมองและหาข้อมูล Airbnb ไว้บ้างแต่สุดท้ายเปลี่ยนใจ ตัดสินใจเลือกใช้แต่ Booking เพราะช่วงนั้นมีข่าวไม่ค่อยดีว่า Airbnb บางรายยกเลิกลูกค้าแบบไม่บอกกล่าว ผมกลัวจะไปแล้วต้องมาเครียดเรื่องที่พัก เลยเลือกที่แพงกว่าหน่อยแต่ความเสี่ยงน้อยกว่า โดยแต่ละคืนพักที่ไหนยังไง รายละเอียดตามนี้ครับ

ใช้บริการบริษัทเช่ารถที่ไหน?

จากที่ลองหาข้อมูลอยู่หลายเจ้า ทั้งจาก Pantip และจากคำแนะนำของคนรู้จัก ผมเลือกใช้บริการของ Blue Rental Car ครับ ข้อดีของเจ้านี้คือ ถ้าเช่าครบ 7 วัน จะฟรี 1 วัน เพราะฉะนั้นหลังจากคำนวณราคาออกมาแล้ว เจ้านี้ให้ราคาถูกสุด โดยทริปนี้พวกผมเลือกใช้รถ Kia Sorento 4×4 DIESEL จากการใช้ รถนี้เป็นไซส์ที่พอดีสำหรับ 5 คนเป๊ะ โดยทั้ง 5 คนมีกระเป๋าใหญ่คนละใบ และมีใบเล็ก เช่น เป้กล้องขนาดกลางๆอีกคนละใบ วางครบตามที่ว่านี้จะพอดีท้ายรถ บังกระจกหลังมิดพอดี เพราะฉะนั้นถ้าใครต้องการพื้นที่มากกว่านี้ แนะนำให้เลือกไซส์ที่ใหญ่ขึ้นไปอีกนะครับ

สภาพอากาศช่วงนั้นเป็นอย่างไร?

ช่วงที่ไป อากาศไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป ผมคิดว่ากำลังพอดีๆ ประมาณ 10 กว่าองศาในช่วงกลางวัน และเลขตัวเดียวในช่วงกลางคืน สิ่งที่น่าเป็นห่วงกลับเป็นเรื่องลมครับ ลมที่ Iceland แรงมาก ผมแนะนำว่าเสื้อกันลมเป็นอะไรที่ต้องมีครับ ช่วงที่พวกผมไปแถว Kirkjufell ลมพัดแรงมากถึงขนาดเดินไม่ไปเลย สำหรับเพื่อนคนไหนที่อยากเช็คสภาพอากาศ ผมแนะนำว่าเอาจากพยากรณ์บน iPhone เอาครับ หรือจากเว็บ vedur.is ก็ได้ครับ

ขับรถที่ไอส์แลนด์เป็นอย่างไร?

ส่วนตัวผมคิดว่าขับไม่ยากนะครับ เปลี่ยนแปลงแค่สลับจากคนขับอยู่ขวา ไปอยู่ซ้ายแทน ขับไปซักพัก ถ้าคุ้นเคยก็ไม่ยากครับ มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะแนะนำ คือ เรื่อง Navigator ครับ ผมไม่แนะนำให้ใช้ Google Map เป็นหลักนะครับ เพราะจากที่ไปมา หาขับไปแล้วเจอช่วงที่สัญญาณโทรศัพท์อ่อนหรือไปไม่ถึง อาจจะหลงทางกันได้ครับ แนะนำว่าให้เช่าจากที่เช่ารถ หรือไม่ก็ลองหา Offline Map มาใช้ดูครับ ส่วนตัวผมใช้ของ Maps.me ครับ ถ้าใครใช้นี้ ผมปักหมุดไฟล์จุดเที่ยวใหญ่ๆของ Iceland ไว้แล้วครับ ลองโหลดแล้ว Import เข้าโปรแกรมไปใช้กันได้ครับ (หมุดที่เที่ยว)

ใช้บริการซิมเจ้าไหนดี?

ยุคนี้จะเที่ยวไหน ถ้ามี Internet จะทำให้เที่ยวง่ายขึ้น จากที่ผมหาข้อมูลมา ผมแนะนำให้ซื้อ Net Sim เอา ซึ่งใน Iceland จะมีค่ายมือถือ 3 ค่ายหลักๆ คือ Siminn, Vodafone และ Nova จากที่อ่านรีวิวทั้งไทยและต่างประเทศ ผมเข้าใจว่า Siminn ดีที่สุด และหาซื้อง่ายสุด โดยสามารถซื้อได้จากบนเครื่องบินเลย ถ้าบินกับสายการบิน Icelandair ซึ่งทริปนี้ผมซื้อแบบแพคเกจตามรูปข้างล่างครับ เป็นแพคเกจที่รวมทั้งเน็ตและโทร (เผื่อเอาไว้โทรหาโรงแรมหรือกรณีฉุกเฉิน) ซึ่งจากที่ใช้งาน ผมไม่เจอปัญหาใดๆครับ

เตรียมเงิน แลกเงินไปเท่าไรดี?

คนที่นี่ใช้เงินของ Iceland เป็นหลัก (Icelandic Krona) ซึ่งสามารถแลกได้ที่ Iceland เท่านั้น โดยถ้าต้องการแลก สามารถแลกได้ที่สนามบินหรือตัวเมืองใหญ่ โดนที่สนามบินรับแลกค่าเงินสกุลหลักทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็น US Dollar, Euro, Yen หรือ Yuan แต่ถ้ามีบัตรเครดิตแล้ว ผมแนะนำว่าไม่ต้องแลกไปเยอะครับ สะดวกและประหยัดกว่า แถมแทบทุกที่ใน Iceland รับบัตรเครดิตครับ ส่วนเรื่องรหัส pin 4 ตัว ถ้ามีได้ก็ดี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นปัญหามาก แค่ต้องบอกคนรูดเสมอว่าขอเซ็นต์แทนพิน และไม่สามารถใช้ได้กับเครื่องอัตโนมัติ เช่น ตู้เก็บค่าจอดรถ หรือปั้มน้ำมันตามแถวๆชนบท แต่ถ้าใครกังวลเรื่องน้ำมันจริงๆ ผมแนะนำให้ซื้อบัตร prepaid เก็บไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในโซนเมือง ปั้มที่ Iceland จะมีประมาณ 2-3 ยี่ห้อ จากที่ผมเห็น แต่เจ้าที่มีเยอะที่สุดก็คือ N1 ปั้มสีแดง ผมแนะนำให้ซื้อของเจ้านี้ครับ ซึ่งรายละเอียดลองดูได้จากเว็บของปั้มได้ครับ มีข้อมูลไว้พอสมควร

ค่าใช่จ่าย เท่าไหร่?

สุดท้าย หัวข้อที่ทุกคนน่าจะอยากรู้ที่สุด จากสมาชิกทั้งหมด 5 คน และรายละเอียดต่างๆที่บอกไปข้างบน ค่าใช้จ่ายจะมีประมาณนี้

  • ค่าอาหาร พวกผมแทบไม่ได้ทำอาหารกันเลย เน้นกิน Hotdog กับ Fast food ตามปั้มน้ำมัน เฉลี่ยตกมื้อละ ประมาณ 1800ISK แต่ถ้าเป็นตามร้านอาหารค่อนข้างดีหน่อย ก็แล้วแต่อาหารที่สั่งเลยครับ เฉลี่ยน่าจะประมาณ 2000-3000 ISK
  • ค่าน้ำมันจากทั้งทริป ขับวนไปมารอบเกาะ ประมาณ 50,000 ISK
  • ค่าเครื่องบิน ส่วนนี้ต้องบอกว่า แล้วแต่โปรของแต่ละคนจะหากันได้เลย แต่ผมบินจากโตเกียว ราคาประมาณ 120,000 Yen
  • ค่าเช่ารถ รวมทั้งหมดทั้งค่าประกันต่างๆ 255,900 ISK
  • ค่าที่พัก ประมาณ 2,800 Euro

จากที่เล่าไปทั้งหมด เป็นแค่ข้อมูลหลักๆเกี่ยวกับทริปนี้ยังไงในโพสต่อไป ผมจะเล่าบรรยากาศพร้อมรูปถ่ายของแต่ละที่ที่ไปมา ทั้งอากาศดีและอากาศไม่ดี ปะปนกันไป ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันด้วย และถ้าใครมีเรื่องสงสัยนอกเหนือจากที่เขียนไป สามารถโพสถามได้ในนี้หรือในเพจผมได้ครับ

สวัสดีครับ