วนกลับมาอีกครั้งกับฤดูใบไม้ผลิที่ญี่ปุ่น ปีนี้ผมก็ได้ไปเที่ยว ไปเจอสถานที่ใหม่ๆและเช่นเคย ผมเลยนำเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆทุกคนได้ชมกัน พร้อมทั้งมีข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาฝากด้วย มีที่ไหนบ้างไปชมกันครับ
แต่ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวและรูปภาพของปีนี้ หากใครสนใจภาพซากุระ ปีที่แล้วผมก็ได้มีเขียนไว้แล้วรอบนึง ลองเข้าไปชมกันได้ที่นี่ครับ
1. Matsuda (松田)
เนื่องจากซากุระที่นี่เป็นพันธุ์ Kawazu เพราะฉะนั้นจะบานไวกว่าซากุระพันธุ์อื่นๆ โดยช่วงที่ผมไปคือช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซากุระช่วงนั้นก็เริ่มเขียวแล้ว ถ้าใครจะตามรอย แนะนำว่าให้ไปไวกว่าผมหน่อย น่าจะพอดีได้เห็นซากุระชมพูๆ ไม่มีใบเขียวๆปนครับ
จุดเด่นของที่นี่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นบรรยากาศของซากุระคู่กับภูเขาไฟฟูจิ หรือไม่ก็เป็นวิวซากุระคู่กับทางด่วน Tomei ตามรูปในโบรชัวร์ของงานครับ แต่จากที่ผมลองไปก้มๆมองๆหามุมมา ผมยังหามุมที่ถ่ายได้เหมือนโบรชัวร์ของงานไม่เจอนะครับ ถ้าใครไปแล้วเจอ รบกวนอย่าลืมมาบอกผมด้วยนะครับ ฮ่าๆ
ส่วนการเดินทางนั้นไม่ยากครับ ให้นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Matsuda จากนั้นต่อรถบัสถึงหน้าสวนเลยครับ
2. Chidorigafuchi (千鳥ヶ淵)
ถ้าพูดถึงที่นี่แล้ว ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีนะครับ เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่กลางกรุงโตเกียวแล้ว ยังมีชื่อเสียงมากๆ ยิ่งมุมในรูปนี้ที่ผมถ่ายมา ถือว่าเป็นมุมยอดฮิตที่ใครๆก็อยากถ่าย ปีนี้ตอนที่ผมไป ผมต้องไปเดินวนไปวนมารอบๆที่ถ่ายตั้งแต่ 5 โมง จากนั้นกะเวลาเอาว่าจะเดินเข้าไปถึงด้านหน้าเพื่อถ่ายพอดีกับเวลาที่ไฟของทั้งซากรุะและโตเกียวทาวเวอร์เปิดครบหมด ซึ่งก็ประมาณ 6 โมงเย็น
ข้อแนะนำสำหรับเพื่อนคนไหนที่คิดจะมาถ่ายที่นี่ครับ อยากจะแนะนำว่าให้เตรียมใจไว้กับปริมาณผู้คนที่มากมาย ขาตั้งไม่ต้องพกมาเพราะที่นี่ห้ามใช้แน่นอน และควรจะมาวันธรรมดา เพราะปีนี้ผมได้คุยกับเพื่อนคนญี่ปุ่นที่มาวันเสาร์หลังจากผม ปรากฏว่าพื้นที่นี้ปิดครับ ห้ามคนเข้าไปถ่ายหมดเลย ซึ่งผมก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร เพราะวันศุกร์ที่ผมถ่ายมาได้ ทุกคนที่นั้นก็แทบจะฆ่ากันตายเพื่อให้ได้ถ่ายรูปมุมนี้มาครับ
สุดท้ายการเดินทางไม่ยากอีกเช่นกัน นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Kudanshita จากนั้นเดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงเลย
3. Naka-meguro (中目黒)
อีกหนึ่งมุมยอดนิยมเช่นกัน แต่ที่นี่อาจจะง่ายขึ้นหน่อย เพราะว่าสถานที่เป็นคลองยาว แนะนำว่าให้ลองเดินมาไกลๆสถานีหน่อย ผู้คนจะน้อยลงทำให้เรานั่งเลือกมุมและใช้ขาตั้งได้ตามที่ต้องการ หรือถ้าหากเพื่อนๆคนไหนชอบภาพแสงธรรมชาติ มาถ่ายตอนช่วงเช้าก็น่าสนใจครับ ผมเคยเห็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันเค้าไปถ่ายตอนเช้าในวันที่มีแดด ก็สวยไม่แพ้กันครับ
ส่วนวิธีการเดินทาง ให้นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Naka-meguro หรือจะนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Ikejiri-Ohashi ก็ได้ จะต่างกันแค่ต้นคลองกับท้ายคลองเท่านั้น
4. Sakuragaoka Senbonsakura (桜ヶ丘千本桜)
มาถึงสถานที่ที่ 4 ของผม ที่นี่เป็นมุมแถวบ้านผมเอง เป็นความบังเอิญที่ผมไปเล่าเรื่อง ซากุระที่ Naka-meguro ให้เพื่อนญี่ปุ่นที่ทำงานฟัง เพื่อนผมคนนั้นเลยแนะนำที่นี่มาให้ผม บอกว่าที่นี่ก็คล้ายๆกับที่ Naka-meguro นะ ให้ลองไปดู และจากที่ได้ลองไปจริงๆ ก็จริงตามที่เพื่อนพูดนะครับ ลักษณะสถานที่โดยรวมจะเป็นต้นซากุระเรียงรายเต็มสองข้างคลอง สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ แต่เสียอย่างเดียวคือ ที่นี่หญ้าขึ้นรกไปนิด เข้าใจว่า อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่สถานที่ดังและเป็นเขตนอกเมืองไปนิด การดูแลและจัดการเลยยังไม่เท่าที่อื่น แต่ถ้าต่อๆไปมีคนไปเที่ยวเยอะ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นแน่นอนครับ
สำหรับการเดินทาง นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Sakuragaoka หรือสถานี Yamato ก็ได้ครับ จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที ตรงไปยังพิกัดที่แนบไว้ข้างล่างก็ถึงเลย
5. Egawa-seseragi Midori-michi (江川せせらぎ緑道)
ผ่านไปเกือบครึ่งทางแล้ว ถ้ายังไม่เหนื่อยกัน ก็มาต่อที่มุมนี้เลยครับ ต้องบอกก่อนว่า มุมนี้ผมไม่ได้เป็นคนไปหามา แต่ได้รับการบอกต่อมาจากพี่พี (Piriya) เจ้าของเพจ Nature Photographomics ได้ยินว่า พี่เค้าไปสืบเสาะมาจากทางเว็บ 500px ผมกับน้องพูม (Poomillust Photography) เลยตัดสินใจลองไปสำรวจที่นี่
ผลที่ได้ก็ถือว่าโอเคนะครับ สำหรับสถานที่นี้ ส่วนตัวผมคิดว่าจุดที่น่าสนใจน่าจะเป้นดอกทิวลิปครับ แม้ดอกจะยังบานไม่เต็มที่แต่ก็เป็นองค์ประกอบภาพที่แปลกไปอีกแบบ ส่วนข้อเสียผมว่าน่าจะเป็นเรื่องการเดินทางครับ ที่นี่ไกลจากสถานีมาก ผมแนะนำว่าให้นั่งรถบัสสาย 41 จากสถานี Nippa (Yokohama Blue line), Okurayama หรือ Kikuna (Tokyu-Toyoko line) ไม่แนะนำให้เดินนะครับ แม้สถานี Kozukue จะดูเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด แต่ถ้าเดินจากสถานี ไกลมากมายครับ เหนื่อยแทบตาย (ผมเดินมาแล้ว)
6. Shinjuku Gyoen National Garden (新宿御苑)
อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตกลางกรุงโตเกียว ที่หลายๆคนอาจจะเรียกสั้นๆว่า สวนชินจุกุ น่าเสียดายที่วันที่ผมไปอากาศไม่ดี ฝนตกในช่วงเช้า รูปที่ได้มาเลยออกมาขาวเป็นแนว Hipster ไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้การทริปนี้คือ ไม่ว่าอากาศจะย่ำแย่ขนาดไหน ไม่เคยมีอะไรที่หยุดไม่ให้คนญี่ปุ่นออกมาชมซากุระได้ครับ ฮ่าๆ เพราะวันที่ผมไป ปริมาณคนญี่ปุ่นก็ยังเยอะระดับสวนแทบแตกได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเรื่องการเดินทางก็ง่ายมาก แค่นั่งรถไฟมาลงสถานี Shinjuku และเดินมาตามแผนที่ เท่านี้ก็ถึงเลย คำเตือนเล็กน้อยว่า ที่นี่ควรจะมาก่อนเวลาพอสมควร เพราะที่สวนนี้จะมีการตรวจกระเป๋าก่อนเข้า ทำให้เสียเวลาไปพอสมควรครับ
7. Sankeien (三溪園)
มุมนี้ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนผมเอง เพื่อนผมคนนี้แนะนำผมมาทางหลังไมค์ในเฟสตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นปีนี้ผมเลยพลาดไม่ได้ที่จะไปเก็บภาพสวยๆจากที่นี่ ที่นี่มีลักษณะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีเจดีย์ตั้งอยู่ในเนินเขา ตามรูปที่เห็น แนะนำว่า ใครสนใจที่นี่สามารถมาเที่ยวได้แทบทั้งปีนะครับ มีอะไรให้ชมเสมอ ไม่ว่าจะหน้าฝน ใบไม้ร่วง ใบไม้ผลิ และการเดินทางก็ไม่ยากมาก แนะนำให้นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Negishi และต่อรถบัสสาย 58, 99 หรือ 101 จากป้ายหมายเลข 1 ครับ
8. Yamakita (山北)
ที่นี่พิเศษหน่อยครับ เพราะผมเคยเขียนไว้แล้วในโพสเมื่อปีที่แล้วว่า ผมชอบที่นี่และถ้ามีโอกาสผมจะมาเที่ยวอีก เนื่องจากปีที่แล้วตอนที่ผมถ่ายรูปรถไฟอยู่ มีลุงญี่ปุ่นใจดีท่านนึงเคยบอกผมไว้ว่า “ไอ้หนุ่ม บนเนินเขานั้นมีมุมที่ถ่ายรถไฟได้อีกนะ อย่าลืมขึ้นไปดูถ้ามีเวลา” แต่ปีที่แล้วผมต้องรีบกลับมาทำงานเลยไม่ได้ไปดูบนเนินตามที่ลุงว่าไว้ (ติดไว้ก่อนนะลุง) ปีนี้ผมไม่เจอลุงคนนั้น แต่ถ้าเจอผมอยากจะถามลุงว่า ผมไปถ่ายมาแล้ว รูปนี้ใช่มุมที่ลุงแนะนำเมื่อวันนั้นรึเปล่าาาาา ฮ่าๆ
ย้ำเรื่องการเดินทางอีกครั้ง คือ นั่งรถไฟมาลงที่ สถานี Yamakita จากนั้นเดินหามุมได้ตามสะดวกเลยครับ
9. Kawaguchiko (河口湖)
สำหรับที่นี่ แทบจะไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ได้ ผมเชื่อว่า คนไทยที่เคยมาญี่ปุ่นแทบทุกคน ต้องเคยมาที่นี่ เพราะงั้นผมไม่ขอพูดอะไรมากสำหรับที่นี่ อีกอย่างนึงคือ ปีนี้ผมติดธุระเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถถ่ายได้เต็มที่ ไว้ปีหน้า ถ้ามีโอกาส น่าจะได้ไปใหม่ครับ
10. Goryokaku (五稜郭)
หลังจากจบเทศกาลล่าซากุระในเขตคันโต ผมก็ข้ามยาวมาช่วงต้นวันหยุด Golden week มาไล่เก็บซากุระที่นี่ ต้องบอกว่า ที่ Hokkaido นี้ ผู้คนค่อนข้างแตกต่างจากทางเกาะใหญ่ (Honshu) พอสมควร เพราะคนที่นี่ค่อนข้างจะเฉยๆกับซากุระ ทำให้สถานที่ชมซากุระมีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น หนึ่งในนั้นก็คือ ป้อมปราการดาวห้าแฉกของเมือง Hakodate นั้นเอง ที่นี่สามารถเดินชมในสวน ถ่ายภาพทั่วไป หรือจะถ่ายภาพมุมกว้างเก็บทั้งป้อมจากหอคอยก็ได้ แล้วแต่สไตส์ของแต่ละคนได้เลยครับ มีที่จะเตือนนิดหน่อยก็คือเรื่อง light-up ของที่นี่ ผมบอกตามตรงว่า ค่อนข้างผิดหวังพอสมควร ไม่ต้องอยู่รอดูก็ได้ เพราะเปิดไฟน้อย และเปิดไฟแค่หย่อมเดียว ส่วนการเดินทางก็นั่งรถรางจากสถานี Hakodate แล้วเดินต่อมาก็ถึงครับ ไม่ยาก
11. Matsumae Castle (松前城)