หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก จากที่ผมได้มีโอกาสมาทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ผ่านวันที่ 14 มกราคมนี้ ก็สองปีเข้าไปแล้ว ซึ่งปีนี้ผมก็ได้เดินทางไปเที่ยวในหลายๆที่ ทั้งที่เคยไปมาแล้ว และไม่เคยได้ไปมาก่อน วันนี้ผมเลยอยากจะเอาภาพสถานที่ต่างๆที่ผมได้ไปเห็นมา มาฝาก เอาเป็นว่าไม่ให้เสียเวลา ไปชมกันเลยครับว่า ผมได้ไปที่ไหนมาแล้วบ้าง
เริ่มต้นที่เดือนมกราคม เปิดด้วยภาพภูเขาสัญลักษณ์ประเทศญี่ปุ่น มุมนี้เป็นมุมจากสะพานแถวบ้านผมเอง โดยตั้งต้นมาจากความตั้งใจจะถ่ายรูปฟูจิซังจากสถานที่แถวบ้าน เลยได้รูปนี้มาดังภาพครับ
Hiratsuka, Kanagawa (35°21’12” N 139°22’15” E)
ต่อจากรูปแรก ด้วยความตั้งใจเดิม นั่งลองตามหาจากแหล่งต่างๆ ก็ได้รูปที่สองมา เป็นมุมที่เมือง Chigasaki โดยภาพอ้างอิงที่เห็นมาส่วนใหญ่จะเป็นถ่ายคู่กับฟูจิซังช่วงเย็นๆ หรือหัวค่ำ เพื่อที่สามารถลากไฟรถยนต์ได้ ซึ่งผมก็ไปพยายามถ่ายมาเหมือนกัน แต่ไม่รอด ๕๕๕ ฟูจิซังขี้อายไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็น เลยลองไปซ้ำอีกรอบตอนเช้าแทนเพื่อความแปลกใหม่ ก็ได้ภาพมาตามภาพข้างล่างเลยครับ
Chigasaki, Kanagawa (35°19’5″ N 139°24’55” E)
จากนั้นเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ เป็นทริปแรกที่ผมตั้งใจออกถ่ายฟูจิซัง คู่กับสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของประเทศ ญี่ปุ่น นั่นก็คือ รถไฟชินคังเซ็นนั่นเอง เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยเห็นรูปนี้มาบ่อยแล้วนะครับ แต่ครั้งแรกของผม ก็นั่งกดไปหลายช๊อตเลย กว่าจะได้รูปที่ถูกใจ ๕๕๕
Fujikawa, Shizuoka (35°8’15″ N 138°37’44” E)
ไปต่อกันอีกที่บริเวณใกล้เคียง เป็นมุมที่แปลกใหม่ (สำหรับผม) เป็นมุมที่ฟูจิซังจะผสานเข้ากับทางด่วน มุมนี้ไปรอกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก รอจนสามารถลากไฟรถยนต์และได้มาเป็นภาพข้างล่างเลย ภาพนี้ต้องขอบคุณพี่โอ (Jirat) ที่พาไปแนะนำมุมนี้ด้วยครับ
Fujinomiya, Shizuoka (35°11’40” N 138°38’6″ E)
จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงพระจันทร์เต็มดวงของเดือน ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปถ่ายพระจันทร์เต็มดวงคู่กับโตเกียวสกายทรี แต่โชคไม่เข้าข้าง อากาศไม่เป็นใจ เลยเปลี่ยนสถานที่มาที่โยโกฮาม่า มาลองเอาสะพาน Yokohama Bay Bridge กับช่วงที่พระจันทร์กำลังขึ้นแทนครับ
Yokohama, Kanagawa (35°27’8″ N 139°38’54” E)
ถัดมา เป็นทริปสั้นๆที่เกิดจากกิเลสล้วนๆ เพราะก่อนหน้านี้ไปเห็นภาพนกอินทรีกับก้อนน้ำแข็งของช่างภาพญี่ปุ่นคนหนึ่ง เลยเกิดความสึกว่า “เฮ้ย อยากไปสัมผัสน้ำแข็ง อยากถ่ายรูปนี้มั้ง” หลังจากหาข้อมูลต่างๆ เลยได้เป็นทริปท่องเที่ยวสั้นๆสามที โดยเริ่มจากการใส่ชุดคล้ายชุดดำน้ำไปเดินบนทะเลที่แข็งเป็นแผ่นๆ แถมยังลงไปแช่น้ำทะเลทดสอบความหนาวอีกด้วยที่เมือง Utoro (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)
Utoro, Hokkaido (44°04’03.0″N 144°59’11.2″E)
ต่อจากนั้นขับรถฝ่าพายุหิมะมาเพื่อตามรอยความอยากกับการถ่ายนกอินทรีที่ Rausu แต่น่าเสียดาย เพราะพายุหิมะลงหนักทำให้ทางเรือไม่สามารถออกไปบริเวณน้ำแข็งไกลจากชายฝั่งได้ ทำให้ได้แค่ถ่ายภาพนกอินทรีบริเวณไม่ไกลแทน ไว้ถ้ามีโอกาสอีก ผมต้องไปแก้มืออีกแน่นอน
Rausu, Hokkaido (44°1’19” N 145°12’2″ E)
เสร็จจากทริปถ่ายนกอินทรี ผมขับรถลากยาวลลงมาสุดที่เมือง Kushiro เพื่อมาถ่ายนกอีกชนิดที่เป็นทั้งสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นและยังเป็นสัญลักษณ์ของสายการบิน JAL อีกด้วย นกกระเรียน หรือ Japanese Red Crowned Crane ซึ่งจริงๆที่เมืองนี้มีรถไฟ SL วิ่งด้วยนะครับ เสียดายที่ผมมีเวลาน้อยไปหน่อย ไว้คราวหน้าตั้งใจว่าจะไปซ่อมทั้งนกและรถไฟให้ได้แน่นอน
Kushiro, Hokkaido (43°8’39” N 144°8’59” E)
กลับมาจากทริปที่ Hokkaido ก็เข้าสู่หน้าดอกบ๊วย โดยปกติดอกบ๊วยจะบานก่อนซากุระ ผมเลยได้มีโอกาสไปออกทริปกับพี่ต่อ (Phi Hoi Men) ไปตามถ่ายฟูจิซังคู่กับดอกบ๊วยเก็บไว้เป็นครั้งแรก (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)
Fuji, Shizuoka (35°10’37” N 138°37’31” E)
และภายในทริปเดียวกันนั่นเอง ไหนๆก็มาถึง Shizuoka พี่ต่อผู้ใจดีเลยพาผมไปลองถ่ายภาพวิวฟูจิซังคู่กับท่าเรือของเมืองซะเลย
Fuji, Shizuoka (35°8’11” N 138°41’39” E)
ต่อมาเข้าสู้เดือนมีนาคม หลังจากดอกบ๊วย ก็ถึงคราวของดอกไม้สุดโด่งดังของญี่ปุ่น ดอกซากุระนั้นเอง เริ่มต้นฤดูด้วยการไปสำรวจเขาแถวบ้าน บนเขาที่มีชื่อว่า Shonandaira จริงๆ ที่นี้ก็เห็นฟูจิ ถ้าฟ้าใสและเห็นโตเกียวสกายทรีกับโตเกียวทาวเวอร์ด้วยนะครับ ถ้าฟ้าใสและมีกล้องส่องทางไกล ๕๕๕
Hiratsuka, Kanagawa (35°19’11.4″N 139°18’34.5″E)
และพอเข้าเดือนเมษายน ช่วงที่ซากุระบานแถบคันโตนั้นเอง พี่โอ คนเดิม ได้ชักชวนผมไปที่เมืองใกล้ๆ ตอนแรก ตัดสินใจไปเพราะมันใกล้และคิดว่าคนไม่น่าจะเยอะ แต่เมื่อไปถึง ผมต้องเปลี่ยนใจ ภาพบรรยากาศที่ได้เห็น สำหรับผมแล้วผมว่าสวยและเป็นญี่ปุ่นมากที่สุดเท่าที่ผมเคยไปมาเลยทีเดียว ถ้ามีโอกาสปีนี้ ผมคิดว่า น่าจะได้ไปอีกรอบแน่ๆ
Yamakita, Kanagawa (35°21’37” N 139°4’37” E)
และด้วยความติดใจ วันรุ่งขึ้นถึงแว่บไปถ่ายรูปซากุระกับรถด่วนอีกรอบ และโชคก็เข้าข้างเล็กน้อย เพราะเช้าวันนั้นมีลมพัดเล็กน้อยทำให้เห็นซากุระร่วงโปรยปรายอยู่เรื่อยๆ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า 桜吹雪 (Sakura Fubuki)
Yamakita, Kanagawa (35°21’35” N 139°4’24” E)
จบจากเมือง Yamakita ที่ต่อไปก็คือสถานที่ยอดฮิตของทุกคน นั้นก็คือ เจดีย์ Chureito นั่นเอง สำหรับที่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่ต้องนั่งรถไฟไปรอตั้งแต่ห้าทุ่มของวันก่อนหน้านั้น เพื่อนั่งจองที่ถ่ายรูปแถวหน้าสุด นั่งรอจนเช้าเพื่อถ่ายมุมๆเดียว เพราะขยับไปไหนไม่ได้ คนแน่นมาก แต่กระนั้น ภาพที่ผมชอบที่สุดกลับเป็นช่วงกลางคืน ตอนที่รอครับ ผมว่ามันแปลกตาดี ๕๕๕
Kawaguchiko, Yamanashi (35°30’04.4″N 138°48’05.2″E)
จบจากซากุระ แอบพักกลับไทยไปอยู่พักนึง กลับมาอีก ก็ไม่รู้จะถ่ายรูปอะไร เลยยาวมาจนถึงเดือนมิถุนายน และเป็นครั้งแรกกับการถ่ายชินคังเซ็นสีเหลือง Dr. Yellow โดยจากการบอกเล่าจากพี่เบิร์ด (Mahalarp) ผู้เป็นแฟนคลับรถไฟญี่ปุ่น ว่ารถไฟขบวนนี้เป็นรถขบวนพิเศษ ไม่มีตารางวิ่งอย่างเป็นทางการ ด้วยความอยากเลยนั่งหาข้อมูลจนได้ตารางแบบเดาๆจากแฟนพันธุ์แท้รถไฟในญี่ปุ่น และได้สถานที่ถ่าย จนเมื่อถึงวันถ่ายจริง บุกดงหญ้าเข้าไปนั่งรอถ่าย และสุดท้ายก็ได้มาเป็นภาพนี้เลย (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)
Oiso, Kanagawa (35°18’47.1″N 139°16’08.5″E)
ลืมบอกไปว่า เดือนมิถุนายน ที่ญี่ปุ่นจะเป็นฤดูฝน และดอกไม้ประจำหน้าฝน ก็คือ ดอก Hydrangea หรือ 紫陽花 (Ajisai) นั่นเอง ซึ่งแถบ Kamakura มีชื่อเสียงมากในแถบคันโต ผมเลยเลือกที่จะไปเก็บภาพดอกไม้นี้ที่วัด Meigetsu-in
Kamakura, Kanagawa (35°20’05.4″N 139°33’05.3″E)
เท่านั้นไม่พอ ที่บริเวณนี้ก็มีรถไฟคลาสสิคขบวนเล็กๆที่วิ่งลัดเลาะไปตามบ้านคนในท้องที่นี้ Enoden นั่นเองครับด้วยเหตุนี้ ผมเลยไปนั่งหามุมเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกอีกเช่นเคย